Top news รายงาน จากกรณีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่ จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีรายงานว่า “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” หรือ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขโมยเรือน้ำมันของกลางจากมือตำรวจ ตบหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติฉากใหญ่ นั้น วันนี้ทีมข่าว Top News จะย้อนประวัติของ เสี่ยโจ้ ปัตตานี คนนี้เป็นใครกัน
เสี่ยโจ้ ปัตตานี มีชื่อจริงว่า นายสหชัย เจียรเสริมสิน เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนแห่งอ่าวไทย และยังเป็นนักธุรกิจชื่อดังในภาคใต้ตอนล่าง ที่เดิมเคยทำธุรกิจแพปลา ก่อนจะผันตัวมาทำธุรกิจค้าไม้ และแลกเปลี่ยนเงินตรา และกลายมาเป็นเป็นผู้อิทธิพลในธุรกิจสีเทา เกี่ยวพันกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของประเทศ จนถูกฝ่ายความมั่นคงเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่
เสี่ยโจ้ ปัตตานี เริ่มค้าน้ำมันเถื่อนมาตั้งแต่ปี 2544 จนร่ำรวยเป็นอย่างมากในปี 2554 หรือ ใช้ระยะเวลากว่า 10 ปี ได้รับการสนับสนุนจากอดีตนายตำรวจใหญ่จังหวัดปัตตานี และสมรสกับภรรยา หรือรู้จักกันในนาม “เจ๊ญา” มีเชื้อสายเจ้าเมืองเก่า มีความสนิทสนมกับบุคคลระดับสูงในรัฐกลันตัน และเริ่มทำธุรกิจด้วยกัน
เสี่ยโจ้ ปัตตานี ได้ช่องทางจัดหาน้ำมันจากประเทศมาเลเซีย ที่มีการจัดสรรน้ำมันราคาถูกพิเศษให้กับชาวประมง โดยใช้คอนเนคชั่นของภรรยาอดีตนายตำรวจใหญ่คุ้มครอง ประสานงานกับเจ้าหน้าที่มาเลเซีย ผ่านบริษัทนายหน้า นำน้ำมันดีเซลราคาพิเศษที่ทางการมาเลเซียอุดหนุนกิจการประมง ได้ถึงเดือนละ 100-150 ล้านลิตร
โดยบริษัทนายหน้า ได้ผลประโยชน์ 2 – 4 บาทต่อลิตร เป็นเงิน 200-300 ล้านบาทต่อเดือน ส่วน เสี่ยโจ้ ปัตตานี ได้ผลประโยชน์จากการขายน้ำมันในอ่าวไทย 2 – 2.40 บาทต่อลิตร เป็นเงิน 200-300 ล้านบาทต่อเดือน แต่ต้องจ่ายส่วยจำนวนมาก ทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ร่วมลงทุน ข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองหลายคน
ทำให้ เสี่ยโจ้ ปัตตานี มีเงินหมุนเวียนในกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัดสหทรัพย์ทวีค้าไม้ ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาทต่อเดือน และการดำเนินการตั้งแต่ปี 2553 พบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 108,000 ล้านบาท (หนึ่งแสนแปดพันล้านบาท)
กระทั่งปี 2555 เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ได้จับกุม เสี่ยโจ้ ปัตตานี ได้ที่ จ.ปัตตานี พร้อมยึดของกลาง เป็นเงินสด 46 ล้านบาท น้ำมัน 2,000 ลิตร หลังพบหลักฐานการซื้อขายน้ำมันเถื่อน จำนวน 500 ล้านลิตร พร้อมบัญชีจ่ายผลประโยชน์ให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จึงดำเนินคดีเรื่องการค้าน้ำมันเถื่อน และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน
ต่อมาปี 2557 ชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อนต่อความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า บุกตรวจค้น หจก.สินทรัพย์ทวีค้าไม้ของ เสี่ยโจ้ ปัตตานี และคุมตัวมาสอบสวนในคดีความมั่นคง เนื่องจากต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของภาคใต้ อีกทั้งพบหลักฐานแผ่นตรวจลงตราเข้าเมืองปลอมจำนวนมาก เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายไม้เถื่อน ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ส่วนศาลฎีกายกคำร้องจำเลย แต่ทั้ง 2 คดี เสี่ยโจ้ ปัตตานี ก็ยังไม่เคยติดคุก เนื่องจากพยายามหลบหนีมาตลอด