เดอะ ไทมส์ สื่ออังกฤษ รายงานว่า นักธุรกิจที่นอกใจภรรยารายหนึ่ง ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อแต่ทราบว่าเป็นชายวัยกลางคน ได้ยื่นฟ้องบริษัท แอปเปิล โดยอ้างว่า บริษัทผู้ผลิตไอโฟน ขาดความโปร่งใส จนทำให้เขาถูกภรรยาขอหย่า
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า สามีรายนี้หันไปใช้บริการหญิงขายบริการในช่วงท้าย ๆ ของชีวิตสมรส โดยติดต่อกันผ่านแอปไอเมสเสจ (iMessage) บนไอโฟนของเขา ตกลงนัดพับกันเรียบร้อยแล้วก็ลบข้อความทิ้ง แต่กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เมื่อภรรยาคลิกดูข้อความไอเมสเสจบนคอมพิวเตอร์ไอแมคที่บ้าน ก็ขึ้นข้อความหลังสุดที่เขาส่งจากไอโฟนของตัวเอง ทั้งยังไล่ดูข้อความย้อนหลังหลายปีที่เขาเชื่อว่าถูกลบไปหมดแล้วอีกด้วย
หลังพบว่าสามีนอกใจ เธอจึงฟ้องหย่าใน 1 เดือน
นักธุรกิจรายนี้ บอกกับ เดอะ ไทมส์ ว่า ถ้าระบบแจ้งว่า ข้อความถูกลบแล้ว ก็มีสิทธิ์จะเชื่อว่ามันถูกลบไปแล้วจริงๆ เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำลงไป ไม่ได้เลวร้ายเท่ากับการคบชู้เป็นตัวเป็นตน ทั้งสองอาจผ่านพ้นก้าวข้ามไปด้วยกัน และยังรักษาชีวิตแต่งงานไว้ได้ หากเขาบอกเธอด้วยตนเองแบบคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่รู้เรื่องแบบไม่ทันตั้งตัวและด้วยวิธีการโหดร้ายแบบนี้ กระบวนการหย่าร้าง ทำให้เขาเครียดจนแทบจะหัวใจวาย และต้องใช้ยา เบต้า บล็อคเกอร์ เพื่อลดภาวะแพนิก ทั้งหมดเป็นเพราะแอปเปิลที่บอกว่า ข้อความของเขา ถูกลบไปแล้ว แต่จริง ๆ ไม่ใช่ หากบอกอีกอย่างว่า ข้อความถูกลบบนอุปกรณ์นี้แล้ว นั่นอาจจะเป็นการบอกใบ้ หรือไม่ก็ควรแจ้งชัดเจนว่า “ข้อความเหล่านี้ถูกลบเฉพาะบนอุปกรณ์นี้เท่านั้น” ซึ่งจะดีกว่าอย่างแน่นอน
เดอะ ไทมส์ รายงานว่า ชายคนนี้เรียกค่าเสียหายจากแอปเปิล กว่า 5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 233 ล้านบาท จากความสูญเสียอันเกิดจากการหย่าและค่าดำเนินการทางกฎหมาย โดยอ้างว่าแอปเปิลขาดความชัดเจนกับลูกค้าว่า ข้อความที่ลบแล้ว สามารถไปปรากฏอยู่บนอุปกรณ์อื่น ๆ ของแอปเปิลได้
ด้าน ไซมอน วอลตัน จากบริษัททนายความ โรเซนบลัตต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของนักธุรกิจรายนี้ บอกเดอะ เทเลกราฟ ว่า แอปเปิลไม่ชัดเจนกับผู้ใช้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับข้อความที่ส่งออกไปและรับ สำคัญที่สุดก็คือ ข้อความที่ถูกลบ มีหลายกรณี ที่ไอโฟนแจ้งผู้ใช้ว่า ข้อความถูกลบแล้ว แต่มันไม่จริง และทำให้เข้าใจผิด เพราะยังพบในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แอปเปิลไม่ได้บอกผู้ใช้ได้รับทราบ