รู้ตัวแล้ว ตำรวจจ่อออกหมายจับ กลุ่ม “ผู้บงการ” ขโมยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ จากอ่าวสัตหีบ

ตำรวจจ่อออกหมายจับกลุ่มผู้บงการเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3-4 คน ส่วนลูกเรือทั้ง 15 คน ออกหมายจับไว้ทั้งหมดแล้ว ชี้นอกจากเจตนาทำลายพยานหลักฐานแล้ว ยังเข้าข่ายลักทรัพย์ เผยหลังเกิดเหตุเรือของกลางสูญหายหาย ยิ่งช่วยเสริมให้พยานหลักฐานชัดเจนยิ่งขึ้น

รู้ตัวแล้ว ตำรวจจ่อออกหมายจับ กลุ่ม “ผู้บงการ” ขโมยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ จากอ่าวสัตหีบ – Top News รายงาน

จ่อออกหมายจับ

 

วันนี้ (18 มิ.ย.67) พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ร่วมกับพันตำรวจเอกชัชวาล ชูชัยเจริญ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. พร้อมคณะ เข้าประชุมร่วมกับนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานฝั่งอัยการ ในคดีจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน และกรณีที่เรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำที่จับกุมได้หายไปจากท่าเทียบเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดย พันตำรวจเอกเอนกชัชวาล เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนเป็นคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเศรฐกิจจำเพราะทางทะเล จึงเป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่ทำผิดตามกฎหมายไทย จึงเป็นอำนาจการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ต้องให้อัยการเข้ามาร่วม โดยการประชุมในวันนี้จะเป็นการประชุมหารือรายละเอียดทางคดีทั้งหมด ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงเมื่อวานนี้ ที่ผู้ต้องหามารายงานตัว โดยส่วนของ บก.ปอศ. ซึ่งเป็นเจ้าของคดีจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ในความผิด พ.ร.บ.สรรพากร และ พ.ร.บ.สรรพสามิต ก็จะหารือกับอัยการในประเด็น การดำเนินการกับกลุ่มผู้ต้องหาและการขยายผลในขั้นตอนต่อไป ส่วนจะขยายผลไปถึงกลุ่มผู้บงการหรือไม่นั้น ตำรวจ บก.ปอศ. ได้ประสานข้อมูลการสืบสวนกองบังคับการปราบปราม และนำเสนอให้อัยการพิจารณาว่า พยานหลักฐานสาวถึงผู้ร่วมขบวนการรายใดบ้างที่เพียงพอที่จะดำเนินคดี

ขณะที่พันตำรวจเอกเอนก เปิดเผยว่า ในส่วนของกองบังคับการปราบปราม ก็จะมีการหารือร่วมกับอัยการใน 3 ส่วน คือ

1.ส่วนของคดีจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ที่ตำรวจกองปราบปราม เป็นชุดสืบสวน ก่อนจะส่งมอบข้อมูลให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ไปดำเนินคดีเรื่องเกี่ยวกับภาษี

2.ประเด็นการขยายผลเครือข่ายและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน

3.เป็นเจ้าของคดีเรือที่หายไป 3 ลำ ซึ่งภาพรวมจะเป็นการหารือในเรื่องรูปสำนวนให้รอบด้าน และการขยายผลจากกลุ่มผู้ต้องหาเดิม เชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้บงการ 3-4 คน เพราะเมื่อมีคดีเรือหายขึ้นมา ก็ทำให้ตำรวจมองเห็นความเชื่อมโยงต่างๆ มากขึ้น เห็นตัวละครสำคัญมากขึ้น พยานหลักฐานในคดีเดิมชัดเจนมากขึ้น มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งหากพยานหลักฐานเพียงพอก็จะออกหมายจับ

 

ส่วนลูกเรือ 15 คนที่ลงเรือ 3 ลำ ที่หายไป พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับไว้แล้วทั้ง 15 คนในข้อหา เอาไป หรือทำลาย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย ซึ่งทรัพย์สินที่พนักงานยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 242 และ 158 และการลักทรัพย์ของผู้อื่น เพราะที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน ต่างคนต่างปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเจ้าของเรือ และเจ้าของน้ำมัน ดังนั้น เรือกับน้ำมันจึงเป็นทรัพย์ของผู้อื่น การที่ผู้ต้องหา 15 คนนำเรือออกไป จึงเข้าข่ายลักทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งเมื่อวานนี้(17มิ.ย.) สามารถตามจับกลับมาได้ 8 คน ส่วนอีก 7 คนยังหลบหนี ซึ่งฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่
เจาะ "MOU44" พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา "เกาะกูด" เป็นของใคร
"สมชัย" เผยเคยทำงานร่วม "กิตติรัตน์" ยอมรับเป็นคนเก่ง แต่เพราะเคยตามใจฝ่ายการเมืองทำประเทศชาติเสียหาย
ระทึก "รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงแสน" ชน "รถพ่วง" พลิกคว่ำตกข้างทาง ผู้โดยสารบาดเจ็บอื้อ
"ศิริกัญญา" ปูดข่าว รบ.วางแผนยึดการบินไทย ส่ง 2 ผู้บริหารฟื้นฟู
โมเดลใหม่...ประมงสมุทรสงครามเปิดตัวกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ปราบปลาหมอคางดำ จับมือเกษตรกรร่วมแก้ปัญหาในบ่อเลี้ยงเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติ
"กองปราบฯ" รับโอนคดี "ซินแสชื่อดัง" หลอกผู้เสียหายสูญเงิน 66 ล้าน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 (ตรัง) ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล
"นครราชสีมา" เสี่ยงภัยแล้ง 10 อำเภอ ชลประทานประกาศงดทำนาปรังทั้งจังหวัด
"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น