“ทนายทักษิณ” แจงเงื่อนไขประกันตัว พร้อมฟ้อง “หมอ” ปล่อยข่าวถุงขนม ภาค 2

ส่วนกระแสข่าวลือว่าศาลมีเงื่อนไขไม่ให้ทักษิณแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเงื่อนไขการประกันตัวและความเห็นเกี่ยวกับมาตรา 112 นั้น นายวิญญัติ กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไขเรื่องการห้ามพูดถึงมาตรา 112 เพียงแค่ต้องระวังไม่ให้พูดอะไรในการที่จะหมิ่นประมาทศาล

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อหาที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลทั้งสองข้อหานั้น ทนายความหนักใจหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่าไม่มีความหนักใจ เพราะการแสวงหาพยานหลักฐานหรือบุคคลที่จะมาร่วมกระทำความผิดยังไม่ทราบว่าเป็นใครจึงไม่มีความหนักใจ

นอกจากนี้นายวิญญัติ ระบุว่า วันที่ 19 ส.ค.67 ศาลจะนัดตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งหลักฐานที่ทางพนักงานสอบสวนและอัยการมายื่นฟ้องต่อศาลนั้นไม่ได้ทำการสอบสวนให้สิ้นกระแสความถือว่าพยานหลักฐานนั้นยังไม่สมบูรณ์หลายประการ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้บอกไว้แล้ว เมื่อหลักฐานและข้อกล่าวหาไม่สมบูรณ์ไม่ทำการแสวงหาหลักฐานที่ควรจะเป็นเพื่อการค้นหาความจริงให้ปรากฏต่อศาล ตนมั่นใจว่านายทักษิณ ไม่ได้กระทำความผิด และฝากถามกลับไปยังอัยการว่าจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร

นายวิญญัติยังตั้งข้อสังเกตว่าในคลิป สัมภาษณ์ดังกล่าวมีชื่อนักข่าวชาวเกาหลีอย่างชัดเจน เหตุใดจึงไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศไปสอบปากคำเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ทั้งที่พนักงานสอบสวนมีงบประมาณเพียงพอแต่ ไม่แสวงหาข้อเท็จจริงหรือไม่ หากใช่ขอให้เตรียมคำตอบไว้ให้ดีเพราะนี่จะเป็นข้อต่อสู้หลักที่จะยื่นต่อศาลซึ่ง ยังมีรายละเอียดอีกหลายประการโดยเฉพาะหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ข้อมูลดิจิตอลเพราะ คณะองค์ตุลาการจะต้องรับฟังพยานและหลักฐานแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือดิจิตอลซึ่งทางทีมทนายจะนำมาสืบพยานในชั้นศาลต่อไป ส่วนจะใช้พยานกี่ปากนั้นในขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ จะต้องพิจารณาว่าประเด็นที่เคยสอบสวนในชั้นสอบสวนไปแล้วเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอทางทีมทนายก็มีสิทธิ์เบิกพยานได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า “ มีถุงขนมภาค 2 ตัวเลขสูงถึงสองพันล้านบาท” นายวิญญัติกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นหมอหรือไม่ เพราะจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด แต่เหตุผลที่เขาอยากจะให้ ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนพิจารณาว่าเขาพูดอะไรไว้หากพูดถึงกระบวนการยุติธรรมและสำนักงานยุติธรรม บุคลากรก็คือผู้พิพากษาการรับฟังจะต้องมีพยานหลักฐานที่มีข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ไม่เช่นนั้นใครก็ลือ เอาข่าวไปตัดหรือโพสต์เฟซบุ๊กมาเป็นพยานหลักฐานได้ คนอย่างนั้นที่ทำแบบนี้ โดยเฉพาะการพาดพิงผู้บริหารหรืออดีตคนในวงการตุลาการนั้น นับเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่คนที่ถูกพาดพิง ซึ่งคนที่พูดจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งกรณีดังกล่าวจะมีการเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการถอดเทปเพื่อเตรียมทำการฟ้องร้องนายแพทย์วรงค์ในสัปดาห์หน้าและจะเรียกค่าเสียหายหลายร้อยล้านบาท