อาเซียนตบเท้าเข้า BRICS ล่าสุด นายกฯมาเลเซียประกาศเตรียมเข้าร่วม ขณะไทย เมียน มา ลาว และกัมพูชา แสดงเจตจำนงแล้ว ส่วนเวียดนามและอินโดฯกำลังพิจารณา
เมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวกวนฉาของจีน ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่ม BRICS และกำลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการ และรอมติขั้นสุดท้ายจากแอฟริกาใต้ จากนั้นเมื่อวันอังคาร ตัวแทนจากสำนักนายกฯของนายอันวาร์เมื่อวันอังคาร ยืนยันข้อมูลดังกล่าวกับรอยเตอร์
ความเห็นของนายอันวาร์มีขึ้น ก่อนการเยือนของนายกฯหลี่ เฉียงของจีนในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างมาเลเซียและจีน คาดว่าทั้งสองประเทศ จะลงนามข้อตกลงหลายฉบับ ระหว่างการเยือน รวมถึงการต่ออายุข้อตกลงความร่วมมือ ทางการค้าและเศรษฐกิจ เป็นระยะเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ BRICS เป็นการรวมตัวของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ที่กำลังพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว และเกิดขึ้นท้าท้ายระเบียบโลกที่ถูกครอบงำโดยเศรษฐกิจตะวันตก เดิมกลุ่มประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ และเมื่อปีที่แล้วมีสมาชิกใหม่ 6 ประเทศ ได้แก่ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน เอธิโอเปีย อียิปต์ อาร์เจนตินา และยูเออี ทำให้ปัจจุบัน BRICS มีสมาชิก 11 ประเทศ ส่วนอีกกว่า 40 ประเทศกำลังแสดงความสนใจ
ขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มแล้ว ส่วนเวียดนามและอินโดนีเซีย กล่าวว่า กำลังติดตามกระบวนการรับสมาชิกใหม่ของ BRICS อย่างใกล้ชิด
หลังจากเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย แสดงความเห็นชัดเจนว่า รัฐบาลกำลังทบทวนและพิจารณาความเป็นไปได้ของประเทศที่จะเข้าร่วม และเมื่อต้นเดือนมกราคม สำนักข่าว อันทารา รายงานว่า นางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า กำลังศึกษาความเป็นไปได้ และกำลังชั่งน้ำหนักผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นสมาชิก โดยเสริมว่าจะไม่เร่งรัดกระบวนการ
ส่วนความคืบหน้าของประเทศไทย ล่าสุดได้แสดงเจตจำนงที่จะเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้เข้าร่วมประชุมหารือระหว่างสมาชิกกลุ่ม BRICS กับประเทศกำลังพัฒนา ที่เมืองนิจนีนอฟโกรอด ประเทศรัสเซีย